อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชาสดใสโอกาสการค้าการลงทุนของผู้ประกอบการไทย

อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มนับว่ามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจกัมพูชาในฐานะแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นแหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศสำคัญด้วยมูลค่าส่งออกกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีหรือราวร้อยละ 80 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของกัมพูชา อีกทั้งยังเป็นแหล่งจ้างงานจำนวนมากกว่า 3.3 แสนคนทั้งนี้ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชามีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และนับเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทย

ภาวะการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาสดใส ในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชา ส่งผลให้ปัจจุบันกัมพูชากลายเป็นฐานการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกของบริษัทชั้นนำ อาทิ ZARA, H&M, Puma, Adidas, Nike และ GAPเป็นต้น โดยมีโรงงานตัดเย็บรวมกว่า 300 โรงงาน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากไต้หวัน จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้

ปัจจัยเกื้อหนุนการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา
• กัมพูชามีความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ แม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ปรับขึ้นอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในอุตสาหกรรมสิ่งทอและรองเท้าเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 มาอยู่ที่ระดับ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งเมื่อรวมกับเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพอีก 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ทำให้ค่าจ้างแรงงานรวมอยู่ที่ 80ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,400 บาท) ต่อเดือน แต่อัตราค่าจ้างดังกล่าวยังต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียรวมทั้งไทย โดยเทียบเท่ากับการจ้างแรงงานไทยเพียง 8 วันเท่านั้น (คำนวณจากอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของไทยที่ระดับ300 บาทต่อวัน) ประกอบกับกัมพูชาเป็นแหล่งแรงงานที่ฝึกหัดง่ายและใช้ทักษะการทำงานที่ไม่ซับซ้อนนัก ขณะที่ไทยเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือ อย่างไรก็ตาม ผลิตภาพของแรงงานกัมพูชาค่อนข้างต่ำโดย TheGarment Manufacturing Association of Cambodia (GMAC) รายงานว่า ในชั่วโมงการทำงานที่เท่ากัน แรงงานกัมพูชา 1 คนสามารถผลิตเสื้อได้จำนวนน้อยกว่าแรงงานเวียดนาม 2 เท่า และแรงงานจีนถึง 3 เท่า จึงเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการไทยควรนำมาพิจารณาร่วมด้วย
• กัมพูชาได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการส่งออกจากประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) ในการส่งออกสินค้าหลายรายการ รวมทั้งเครื่องนุ่งห่ม จากตลาดส่งออกสำคัญทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจากกัมพูชาจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับการพัฒนาน้อยที่สุุด (Least Developed Countries : LDCs) ส่งผลให้เครื่องนุ่งห่มที่ส่งออกจากกัมพูชาได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าและไม่มีการกำหนดโควตานำเข้าจากประเทศดังกล่าว ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยอาจพิจารณาลงทุนหรือย้ายฐานการผลิตไปยังกัมพูชาเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว
• รัฐบาลกัมพูชาให้การสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มอย่างจริงจัง ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบและส่วนประกอบ และลดหย่อนภาษีสำหรับการนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก เป็นต้น โดยนักลงทุนต่างชาติสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้จาก CIBนอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชายังอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ทั้งหมด (ไม่จำเป็นต้องร่วมทุนกับชาวกัมพูชาเหมือนบางอุตสาหกรรม เช่น การผลิตและแกะสลักไม้และหิน และกิจการด้านวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น)

นอกจากโอกาสด้านการลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการไทยอาจมองหาลู่ทางในการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไปกัมพูชา โดยเฉพาะสินค้าวัตถุดิบขั้นกลางทั้งด้ายและผ้าผืนประเภทต่างๆ อาทิ ผ้าถักผ้าทอที่ทำจากฝ้าย และผ้าทอที่ทำจากใยสังเคราะห์ เป็นต้น เนื่องจากการผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอ ขณะที่อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตเร็วมากและการส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2556-2560 มูลค่าส่งออกเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาจะขยายตัวเฉลี่ย 13% ต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้กัมพูชามีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาก จึงนับเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการสิ่งทอไทยในการรุกตลาดเพื่อเติมเต็มความต้องการ

This entry was posted in แฟชั่น. Bookmark the permalink.

Comments are closed.